การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

การดูแลแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า   (Lithium-ion battery) เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อให้แบตเตอรี่

มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และให้ประสิทธิภาพการเก็บและส่งพลังงานที่ดี

ข้อควรระวัง

  • อย่าให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า สูญเสียพลังงานไปเกินไป

หลีกเลี่ยงการใช้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า จนหมดพลังงานแล้วค่อยชาร์จ เพราะการใช้งานแบบนี้

จะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่สั้นลง

หลีกลี่ยงการใช้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า จนหมด

หลีกเลี่ยงการใช้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า จนหมด

การใช้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า จนหมดพลังงานแล้วค่อยชาร์จ จะทำให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์

ไฟฟ้า สูญเสียพลังงานไปเกินไป ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมมีอายุการใช้งานที่สั้นลง นอกจากนี้ยังสามารถ

ทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ง่ายขึ้นเพราะเมื่อแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า มีการใช้งานสูงจนหมด

พลังงาน แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า จะต้องใช้การชาร์จ เพื่อเติมพลังงานใหม่ การชาร์จนั้นก็จะทำให้

แบตเตอรี่ร้อนขึ้น และการสูญเสียพลังงานจะเกิดขึ้นได้มากขึ้น

สรุป

ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า จนหมดพลังงานแล้วค่อยชาร์จ และควรทำ

การชาร์จเมื่อแบตเตอรี่เหลือพลังงานอยู่ประมาณ 20-30% เพื่อประโยชน์ในการใช้งานแบตเตอรี่รถโฟล์ค

ลิฟท์ไฟฟ้า ให้มากที่สุด โดยการทำตามนี้จะช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและเสถียรภาพ

ในการเก็บและส่งพลังงานของแบตเตอรี่ก็จะดีขึ้นได้

  • อย่าให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เกิดการชาร์จเกิน

การชาร์จเกินจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง  อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่แบตเตอรี่รถโฟล์ค

ลิฟท์ไฟฟ้า 

อย่าให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เกิดการชาร์จเกิน

อย่าให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  เกิดการชาร์จเกิน

การชาร์จเกินจะเป็นการเพิ่มพลังงานให้กับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิด

การเสียหายแก่ แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  เนื่องจากมีการสร้างความร้อนภายในแบตเตอรี่รถโฟล์ค

ลิฟท์ไฟฟ้า  เมื่อถูกชาร์จเกิน อาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เซลล์ของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

ทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ลดลงได้

สรุป

ดังนั้น ควรใช้ตัวชาร์จที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  โดยต้องใช้ตัวชาร์จที่มี

ค่าไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าตรงกับข้อมูลของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  และหลีกเลี่ยงการใช้ตัวชาร์จที่

ไม่มีการควบคุมได้ว่าจะหยุดชาร์จเมื่อแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เต็มแล้ว นอกจากนี้ ควรหยุดชาร์จ

เมื่อแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า เต็ม เพื่อป้องกันการชาร์จเกิน ซึ่งจะช่วยให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์

ไฟฟ้า มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและเสถียรภาพในการเก็บและส่งพลังงานของแบตเตอรี่ลิเธียมก็จะดีขึ้นได้

  • อย่าเก็บแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ในสภาพอบอุ่น

แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ไม่ควรอยู่ในสภาพอบอุ่น เพราะจะทำให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

สูญเสียพลังงานได้เร็วขึ้น

อย่าเก็บแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ในสภาพอบอุ่น

อย่าเก็บแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ในสภาพอบอุ่น

ในการเก็บแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ควรหลีกเลี่ยงที่จะเก็บในสภาพอบอุ่นเพราะสภาพอบอุ่นจะ

ทำให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า สูญเสียพลังงานได้เร็วขึ้น ทำให้อายุการใช้งานลดลง และส่งผลต่อ

ประสิทธิภาพในการใช้งานของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

สรุป

ดังนั้น ควรเก็บแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ในที่ที่มีอุณหภูมิไม่สูงเกินไป เช่น ในที่ร่มหรือที่มีอุณหภูมิ

ประมาณ 20-25 องศาเซลเซียส และหลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่ติดแสงแดดโดยตรง หรือในรถที่มีอุณหภูมิสูง

เพราะจะทำให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ร้อนขึ้นและสูญเสียพลังงานได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ ควรเก็บ

แบตเตอรี่ในที่ที่ไม่มีความชื้นสูง เพราะความชื้นสูงอาจทำให้เกิดการสกปรกและเสียหายต่อแบตเตอรี่

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ได้

  • ใช้ชุดชาร์จที่เหมาะสม

ใช้ชุดชาร์จที่เหมาะสมกับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  เพื่อป้องกันการชาร์จเกิน และชาร์จไม่เต็ม

ใช้ชุดชาร์จที่เหมาะสมกับแบตเตอรี่ลิเธียมรถโฟล์คลิฟท์ 

ใช้ชุดชาร์จที่เหมาะสมกับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

การใช้ชุดชาร์จที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า   เพราะชุดชาร์จที่

ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดการชาร์จเกิน หรือไม่ชาร์จเต็ม ซึ่งทั้งสองกรณี อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อ

แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ดังนั้น ควรใช้ชุดชาร์จที่ถูกต้องตามขนาดและรูปแบบของแบตเตอรี่

สำหรับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ควรใช้ชุดชาร์จที่มีความสามารถในการกำหนดแรงดันและกระแสไฟ

ได้อย่างแม่นยำ และสามารถกำหนดแรงดันที่ถูกต้องสำหรับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  ได้ อย่างไร

ก็ตาม การเลือกชุดชาร์จที่มีคุณภาพไม่เพียงพออาจทำให้เกิดการชาร์จเกิน หรือชาร์จไม่เต็ม ซึ่งอาจทำให้

เกิดความเสียหายต่อแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ได้

สรุป

ดังนั้น ควรเลือกชุดชาร์จจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และเลือกชุดชาร์จที่มีการปรับแต่งแรงดันและกระแสไฟได้

อย่างแม่นยำ สำหรับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ของคุณ เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายต่อ

แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  และสายสัญญาณการชาร์จ นอกจากนี้ ควรอ่านคู่มือการใช้งานให้รอบคอบ

และปฏิบัติตามขั้นตอนการชาร์จ ที่ระบุในคู่มือด้วย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยใการใช้งานแบตเตอรี่รถโฟล์ค

ลิฟท์ไฟฟ้า 

  • อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  หมดพลังงานไปเกินไป

หากแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  ไม่ได้ใช้งานนานๆ ให้ทำการชาร์จเป็นระยะๆ เพื่อป้องกันการสูญเสีย

พลังงาน

อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า หมดพลังงานไปเกินไป

อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า หมดพลังงานไปเกินไป

การปล่อยให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  หมดพลังงานไปเกินไป  อาจทำให้เกิดการสูญเสียพลังงาน

แบบไม่แก้ไขได้  ดังนั้น  ควรชาร์จแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  เป็นระยะๆ เพื่อให้แบตเตอรี่รถโฟล์ค

ลิฟท์ไฟฟ้า  มีพลังงานเพียงพอสำหรับการใช้งานต่อไป โดยอาจทำการชาร์จเป็นประจำสัปดาห์หรือ

สองสัปดาห์ หรือตามความเหมาะสมของการใช้งานแต่ละรายการ การทำแบบนี้จะช่วยให้แบตเตอรี่รถโฟล์ค

ลิฟท์ไฟฟ้า  มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และลดการเสียหายของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

ด้ด้วย

การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

การดูแลรักษาแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  ให้ใช้ได้อายุยืนยาวนาน เก็บแบตเตอรี่ หรืออุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ชนิดนี้ให้อยู่ภายในอุณหภูมิ และความชื้นที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการชาร์จไฟภายใต้อุณหภูมิที่สูง (เพราะจะยิ่งทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น)

คำ

เตือน

  • ห้ามเสียบปลั๊กแบตเตอรี่ โดยมือเปียก, แฉะ, ชื้น มา จะทำให้เกิดฟ้าดูด (spark) ได้ 

ซึ่งอาจสร้างสิ่งระเบิด หรือเกิดอันตรายอื่นๆ ในบางกรณี ดังนั้น ควรป้องกันการเสียบปลั๊กแบตเตอรี่รถโฟล์ค

ลิฟท์ไฟฟ้า   โดยมือเปียก แฉะ หรือชื้น โดยเชื่อมต่อแบตเตอรี่กับชุดชาร์จหรืออุปกรณ์อื่นๆ ก่อนจะ

เสียบปลั๊กเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดฟ้าดูดและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

  • เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าดูด (spark) ควรดับเครื่องยนต์ในขณะทำความสะอาดทุกครั้ง

การดับเครื่องยนต์ในขณะทำความสะอาดหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟฟ้าดูด

(spark) ในการเชื่อมต่อแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ การดับเครื่องยนต์ยังช่วยป้องกันการเสียหาย

ของระบบไฟฟ้าในรถยนต์ ซึ่งอาจเกิดจากการทำความสะอาดอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยไม่ปิดเครื่องยนต์ ดังนั้น

ควรดับเครื่องยนต์ในขณะทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายที่ไม่คาดคิดได้ และให้ความสำคัญ

กับความปลอดภัยตลอดเวลา

 ตรวจสอบ (ทุกวัน)

ตรวจแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า สอบทุกวัน
  • ตรวจสอบค่าแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 
  • ตรวจสอบแบตเตอรี่ลิเธียมในขณะชาร์จ
  • ตรวจสอบลักษณะภายนอกของแบตเตอรี่
  • ตรวจสอบปลั๊กชาร์จแแบตเตอรี่ลิเธียม 
  • ตรวจสอบสายเคเบิล
  • ตรวจสอบชุดสายไฟภายนอก
  • ตรวจสอบ ชุดน็อต ด้านนอกถังแบตเตอรี่ลิเธียม
  • ทำความสะอาดอุปกรณ์ ภายนอกทั้งหมด

วิธีการดำเนิน

1.ตรวจสอบค่าแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  ที่หน้าจอการแสดงผล (SOC)

  • ค่าห้ามต่ำกว่า 25 % รีบทำชาร์จทันที

ถ้าค่าแบตเตอรี่ลิเธียมต่ำกว่า 25% จะเป็นสัญญาณที่บอกว่าแบตเตอรี่กำลังจะหมดพลังงาน  ดังนั้น

ควรทำการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อเติมพลังงานกลับเข้าไปในแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถชาร์จทันที ก็ควรหยุดการใช้งานและชาร์จให้ครบถ้วนก่อนการใช้งานอีกครั้ง

เพื่อป้องกันการเสียหายของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า   เนื่องจากได้รับการใช้งานในสภาวะที่พลังงานต่ำมาก ๆ

2.ตรวจสอบค่ากระแส(A)ที่หน้าจอการแสดงผล (SOC)

  • ค่ากระแส(A)ไม่ขึ้น ทำการตรวจเช็คปลั๊กตู้และตู้ชาร์จ

ถ้าค่ากระแสไม่ขึ้นขณะที่ทำการชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียม สาเหตุอาจเกิดจากปลั๊กตู้และตู้ชาร์จที่ไม่ทำงานอย่าง

ถูกต้องดังนั้น คุณควรตรวจสอบดังนี้     

2.1 ตรวจสอบปลั๊กตู้: ตรวจสอบว่าปลั๊กตู้ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับชุดชาร์จเสียบอยู่อย่างแน่นหรือไม่ และ

ตรวจสอบว่าสายไฟภายนอกไม่มีการฉีกขาดหรือชำรุดใดๆ   

2.2 ตรวจสอบตู้ชาร์จ: ตรวจสอบว่าเปิดสวิตช์ของตู้ชาร์จอยู่ในสถานะที่ถูกต้องหรือไม่ และตรวจสอบว่า

สายไฟที่เชื่อมต่อกับตู้ชาร์จไม่มีการฉีกขาดหรือชำรุดใดๆหากคุณตรวจสอบแล้วพบว่าปลั๊กตู้และตู้ชาร์จ

ทำงานอย่างถูกต้อง แต่ค่ากระแสยังคงไม่ขึ้น อาจมีสาเหตุเกิดจากแบตเตอรี่ที่ชำรุดหรืออาจต้องการเปลี่ยน

ชุดชาร์จ คุณควรนำแบตเตอรี่ลิเธียมไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการหรือติดต่อผู้ผลิตของแบตเตอรี่รถโฟล์ค

ลิฟท์ไฟฟ้า เพื่อทำการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้วยผู้เชี่ยวชาญแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

3.สังเกตลักษณะตัวถังแบตเตอรี่ลิเธียมผิดรูปหรือมีลอย บุบ หรือไม่

  • หากพบถังแบตเตอรี่ลิเธียมผิดรูป ให้แจ้งช่างบริการ
  • อุปกรณ์ภายในอาจชำรุดเสียหาย

ถ้าพบถังแบตเตอรี่ลิเธียมที่ผิดรูป คุณควรหยุดใช้งาแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ทันทีและห้าม

พยายามเปิดเองหรือทำการซ่อมแซมด้วยตัวเอง ในสภาพแบบนี้ คุณควรแจ้งช่างบริการ : 0-2077-9608

เพื่อตรวจสอบและประเมิน ความเสียหายของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  และดำเนินการซ่อมแซม

หรือเปลี่ยนแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ตามที่ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำนอกจากนี้ คุณควรตรวจสอบ

แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  เป็นประจำ เพื่อตระหนักถึงสภาพของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

 ในขณะที่ใช้งานและเปลี่ยนแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ทันที หากพบว่ามีปัญหาหรือสภาพของ

แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ไม่ดีเพียงพอในการใช้งานต่อไป

4.สังเกตว่ามีสิ่งแปลกปลอมใปลั๊กแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  มีสนิมหรือไม่

  • หากพบว่าปลั๊กแบตเตอรี่ลิเธียมมีสิ่งแปลกปลอม ให้แจ้งช่างบริการ ทำการเปลี่ยนทันที

การแจ้งช่างบริการ เมื่อพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมบนปลั๊กแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  เป็นการปฏิบัติที่

ถูกต้อง ซึ่งผู้ใช้งานไม่ควรพยายามเปลี่ยนปลั๊กเอง หากไม่มีความรู้หรือทักษะเกี่ยวกับการประกอบและการต่อ

สายไฟฟ้า การใช้ปลั๊กแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดอันตราย

ได้ ดังนั้น ควรให้ช่างบริการมาตรวจสอบและทำการเปลี่ยนปลั๊กให้ถูกต้องและปลอดภัย

5.สังเกตที่สายเคเบิลว่ามีการชำรุดหรือไม่

  • หากสายเคเบิลชำรุด ให้แจ้งช่างบริการ
  • เพื่อทำการเปลี่ยน เพราะทำให้ BMSอ่านค่าผิดพลาดได้

ถ้าสายเคเบิลชำรุดอาจทำให้ BMS (Battery Management System) ไม่สามารถอ่านค่าได้ถูกต้อง ซึ่งอาจ

ส่งผลต่อการจัดการและการประเมินสถานะของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  ได้ ดังนั้น ถ้าพบว่า

สายเคเบิลชำรุด ควรแจ้งช่างบริการเพื่อทำการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมทันทีเพื่อป้องกันความเสียหาย

เพิ่มเติมต่อไป

6.สังเกต ตรงชุดสายไฟ มีการสึกหรอ รอยทับหรือไม่

  • หากชุดสายไฟ้ ชำรุด ให้แจ้งช่างบริการ
  • เพื่อทำการเปลี่ยน เนื่องจากฟอาจลัดวงจรได้

การแจ้งช่างบริการ เพื่อทำการเปลี่ยนชุดสายไฟที่ชำรุดเป็นสิ่งที่เหมาะสม เนื่องจากถ้าชุดสายไฟชำรุดอาจ

ทำให้เกิดความเสียหายกับวงจรได้ และอาจทำให้แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ไม่สามารถทำงานได้

อย่างปกติได้ ดังนั้น การแจ้งช่างบริการและทำการเปลี่ยนชุดสายไฟที่ชำรุดเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความ

ปลอดภัยและความเสถียรของระบบการทำงานของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  และอุปกรณ์ที่

เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

7.สังเกตตรงชุดน็อตว่ามีการคายเกลียวหรือหลวมหรือไม่

  • หากชุดน็อตหลวมให้ทำการไขให้แน่นทุกตัว

ควรตรวจสอบชุดน็อตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตระหนักถึงการหลวมหรือรั่วของน็อตในขณะที่ใช้งาน หากยัง

ไม่มั่นใจหรือไม่สามารถไขน็อตได้ด้วยตัวเอง ควรแจ้งช่างที่มีความเชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์

ไฟฟ้า  เพื่อประเมินสถานะและดำเนินการซ่อมแซมต่อไป

8.นำผ้าแห้งสะอาดมาเช็ดตัวถังแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  และนำเครื่องเป่าลมมาเป่าฝุ่นการทำความ

สะอาดตัวถังแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ด้วยผ้าแห้งสะอาดเป็นวิธีที่ดี เพราะไม่ทำให้เกิดความชื้นซึ่ง

อาจเข้าไปทำลายแบตเตอรี่ได้การเช็ดด้วยผ้าแห้งสะอาดจะช่วยในการเก็บเถ้าและฝุ่นที่ติดอยู่บนผิวตัวถังได้

ดีสำหรับการใช้เครื่องเป่าลมในการเป่าฝุ่น ต้องใช้เครื่องเป่าลมที่มีแรงดันลมต่ำ เพื่อป้องกันการกระทบ

กระแทก ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายกับตัวถังแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  การใช้เครื่องเป่าลมนี้

ควรมีระยะห่างจากตัวถังอย่างน้อย 10 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการกระแทกในขณะเป่าลม

clean แบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า

วิธีดูแลรักษาและทำความสะอาดแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 


ขั้นตอน การบำรุงรักษา วิธีการดำเนินงาน หมายเหตุ ความถี่ ภาพประกอบ
1 ตรวจสอบค่าแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ว่าต่ำหรือไม่ ตรวจสอบได้ที่หน้าจอการแสดงผล(SOC )ผลแสดงค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ % ค่าแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ต่ำกว่า 25% ควรรีบดำเนินกำรชาร์จ ทันที ทุกวัน
2 ตรวจสอบแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  ในขณะกำลังชาร์จ ตรวจสอบได้ที่หน้าจอการแสดงผล (SOC)ผลแสดงค่าเป็นเปอร์เซ็นต์ % ค่ากระแส(A)ไม่ขึ้น ทำกำรตรวจเช็คปลั๊กตู้และตู้ชาร์จ ทุกวัน
3 ตรวจสอบลักษณะภายนอกของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  สังเกตลักษณะตัวถังผิดรูป หรือ มีลอย กระแทก บุบ หรือไม่ หากพบถังผิดรูป ให้แจ้งช่างเข้าตรวจสอบ เนื่องจากอุปกรณ์ภายในอาจชำรุดเสียหาย ทุกวัน
4 ตรวจสอบปลั๊กชาร์จแแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  สังเกตว่ามีสิ่งแปลกปลอมในปลั๊กมีสนิมหรือรอยไหม้ หรือไม่ หากพบว่าปลั๊กมีสิ่งแปลกปลอมให้แจ้งช่าง เข้าตรวจสอบ และทำกำรเปลี่ยนทันที ทุกวัน
5 ตรวจสอบสายเคเบิล สังเกตที่สายเคเบิลว่ามีการชำรุดหรือไม่ หากสายเคเบิล ชำรุด ให้แจ้งช่างเพื่อทำการเปลี่ยน เพราะจะทำให้ BMS อ่านค่าผิดพลาด ทุกวัน
6 ตรวจสอบชุดสายไฟภายนอก สังเกต ตรงชุดสายไฟ มีการ สึกหรอ รอยทับ หรือ แกนสายเปิดหรือไม่ หากชุดสายไฟ้ ชำรุด ให้แจ้งช่างเพื่อทำการเปลี่ยน เนื่องจากไฟอาจลัดวงจรได้ ทุกวัน
7 ตรวจสอบ ชุดน็อต ด้านนอกถังแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  สังเกตตรงชุดน็อต ว่ามีการคายเกลียว หรือหลวม หรือไม่ หาก ชุดน็อต หลวม ให้ทำการไขให้แน่นไขให้แน่นทุกตัว ทุกวัน
8 ทำความสะอาดอุปกรณ์ภายนอกทั้งหมด นำผ้าแห้งสะอาดมาเช็ดตัวถังแบตเตอรี่และ นำเครื่องเป่าลมมาทำกำรเป่าฝุ่น ห้ามทำความสะอาดด้วยน้ำ โดยตรงอาจทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหาย ทุกวัน

การปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเข้มงวดเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อรักษาอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์

ไฟฟ้า ให้ยาวนาน ดังนี้

  • อ่านคู่มือการใช้งานอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจกับแบตเตอรี่รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า 

และขั้นตอนการใช้งานที่ถูกต้อง

  • อัพเดทบนอุปกรณ์ของคุณเสมอ เนื่องจากอุปกรณ์ใหม่อาจจะช่วยลดการใช้งานแบตเตอรี่ได้
  • ปรับการตั้งค่าบนอุปกรณ์ของคุณให้เหมาะสมกับการใช้งาน
  • ใช้แบตเตอรี่ตามขั้นตอนที่ระบุในคู่มือการใช้งาน เช่น อย่าใช้แบตเตอรี่ต่ำกว่า 25 % จะทำให้แบตเตอรี่

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  ร้อนเกินไป

  • ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ช่วยดูแลการใช้งานแบตเตอรี่ เช่น แอปพลิเคชันสำหรับการจัดการ

การใช้งานแบตเตอรี่

  • ติดปัญหาตรงไหน ติดต่อเจ้าหน้าที่ : 0-2077-960