ระบบการทำงานแบตเตอรี่ลิเธียมประกอบด้วยเทคโนโลยี ?

ระบบการทำงานแบตเตอรี่ลิเธียม ประกอบด้วยเทคโนโลยี

เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium-ion battery technology) คือกลไกและกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมที่ใช้ในการสร้างและพัฒนาแบตเตอรี่ที่ใช้ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) เป็นส่วน

ประกอบหลักในกระบวนการเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้า

ระบบการทำงานของแบตเตอรี่ลิเธียมประกอบด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ช่วยให้แบตเตอรี่สามารถเก็บและ

ปล่อยพลังงานได้ตามความต้องการของผู้ใช้ โดยทั่วไปแล้ว แบตเตอรี่ลิเธียมในปัจจุบันมักใช้เทคโนโลยี

ลิเธียมไอออน (Lithium-ion or Li-ion) ซึ่งมีคุณสมบัติดังนี้

เซลล์ลิเธียม-ไอออน

แบตเตอรี่ลิเธียมประกอบด้วยเซลล์ลิเธียมไอออนซึ่งประกอบด้วยสารประกอบที่สามารถเก็บและ

ปล่อยไฟฟ้าได้  โดยลิเธียมไอออนมีความเหมาะสำหรับการใช้งานแบตเตอรี่เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและ

มีประสิทธิภาพสูง

เซลล์ลิเธียม-ไอออน (Lithium-ion cells) มีหน้าที่เก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่แบตเตอรี่

ลิเธียม  โดยมีกระบวนการทำงานดังนี้

  1. การเคลื่อนที่ของไอออนลิเธียม : ในขณะที่แบตเตอรี่กำลังใช้งานหรือกำลังชาร์จ, ไอออนลิเธียมจะ

เคลื่อนที่ระหว่างแอนอด (anode) และแคโทด (cathode) ของเซลล์  การเคลื่อนที่นี้เป็นส่วนของกระบวนการ

การเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้า.

2. การปล่อยและรับไอออนลิเธียม: ในขณะที่แบตเตอรี่กำลังใช้งาน, ไอออนลิเธียมจะถูกปล่อยจากแคโทด

และเคลื่อนที่ไปยังแอนอด. ในขณะที่แบตเตอรี่ลิเธียมกำลังชาร์จ, ไอออนลิเธียมจะถูกรับโดยแอนอด

3. สาร Electrolyte: เซลล์ลิเธียม-ไอออนมีสารละลายที่เรียกว่า electrolyte ซึ่งเป็นตัวช่วยในการทำให้

ไอออนลิเธียมสามารถเคลื่อนที่ไปมาระหว่างแอนอดและแคโทด

4. การป้องกันการชนเชยของไฟฟ้า: การป้องกันการชนเชยของไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่ลิเธียมเป็น

ส่วนสำคัญเนื่องจากการชนเชยอาจทำให้เกิดปัญหาเช่น การทำลายโคมีแอนอดหรือแคโทด, ทำให้เสื่อม

สภาพแบตเตอรี่, หรือเกิดความร้อนมากเกินไป ดังนั้น, แบตเตอรี่ลิเธียมมักมีระบบควบคุมและการป้องกัน

ที่ช่วยควบคุมกระแสไฟฟ้าและควบคุมแรงดันไฟฟ้าเพื่อป้องกันการชนเชย

5.การจ่ายไฟฟ้า: เมื่อมีความต้องการในการใช้งาน, แบตเตอรี่ลิเธียมจะปล่อยไฟฟ้าที่เก็บไว้มาให้ใช้งาน

สรุป

เซลล์ลิเธียม-ไอออนได้รับความนิยมในการใช้งานในแบตเตอรี่ของอุปกรณ์พกพา, โทรศัพท์มือถือ,

รถยนต์ไฟฟ้า, รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เนื่องจากมีน้ำหนักเบา, ขนาดเล็ก,

และมีประสิทธิภาพสูงในการเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้า

แอโนด-แคโทด

การใช้แอโนดและแคโทดเป็นส่วนประกอบสำคัญในการควบคุมและป้องกันการชนเชยของไฟฟ้าภายใน

แบตเตอรี่ เพื่อรักษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบบ

 “แอโนด” (anode) และ “แคโทด” (cathode) มีความสำคัญในกระบวนการการเคลื่อนที่ของไฟฟ้าในเซลล์

แอโนด (Anode) : แอโนดคือขั้วหรือส่วนของระบบที่ให้ไอออนลิเธียมหรืออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ไป

ในกระบวนการใช้งาน, แอโนดจะเป็นส่วนที่อิเล็กตรอนถูกปล่อยและเคลื่อนที่ไปยังขั้วลบหรือแคโทด

แคโทด (Cathode) : แคโทดคือขั้วหรือส่วนของระบบที่รับไอออนลิเธียมหรืออิเล็กตรอนที่ถูกปล่อยมาจาก

แอโนด ในกระบวนการใช้งาน, แคโทดจะเป็นส่วนที่ไอออนลิเธียมถูกรับและเก็บไว้เพื่อให้พลังงานไฟฟ้า

เกิดขึ้น

สรุป

กระบวนการนี้เกิดขึ้นในเซลล์ไฟฟ้าทุกประเภท, ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ลิเธียม, แบตเตอรี่นิเกิล-แคด, หรือ

เซลล์ไฮบริด ซึ่งในแต่ละกระบวนการ, การเคลื่อนที่ของไอออนลิเธียมหรืออิเล็กตรอนระหว่างแอโนดและ

แคโทดมีบทบาทสำคัญในการให้พลังงานไฟฟ้า

Elecrtrolyte

สารละลายที่อยู่ภายในเซลล์ทำให้ไอออนสามารถเคลื่อนที่ไปมาระหว่างขั้วบวกและขั้วลบได้ ซึ่งสารละลายนี้

มักเป็นสารละลายที่พลังงานสูงและมีประสิทธิภาพในการทำงาน

“Electrolyte” คือสารละลายที่ประกอบด้วยไอออน ซึ่งทำให้ไอออนสามารถเคลื่อนที่ไปมาระหว่างขั้วบวก

และขั้วลบในเซลล์ไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่ลิเธียมได้  Electrolyte เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการการเก็บและปล่อย

พลังงานไฟฟ้าในหลายประเภทของเซลล์ไฟฟ้า และมีบทบาทสำคัญในการช่วยเทคโนโลยีไฟฟ้าทำงาน

ได้ถูกต้อง

นอกจากนี้, Electrolyte ยังมีความสำคัญในกระบวนการทางเคมี ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปล่อยและรับไอออนหรือ

อิเล็กตรอน, ในกระบวนการ Redox (reduction-oxidation) ที่เกิดขึ้นในแบตเตอรี่และเซลล์ไฟฟ้าต่าง ๆ

สรุป

สำหรับแบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium-ion batteries) เช่นกัน, Electrolyte ทำให้ไอออนลิเธียม  (lithium

ions)สามารถเคลื่อนที่ระหว่างแอนอดและแคโทดของเซลล์ได้  Electrolyte จะประกอบด้วยสารที่สามารถ

ทำให้ไอออนลิเธียมเคลื่อนที่ได้มีความเร็วและมีประสิทธิภาพสูงในกระบวนการการเก็บและปล่อยพลังงาน

สาร  Electrolyte ที่ใช้ในแบตเตอรี่ลิเธียมมักจะเป็นน้ำหล่อเลี้ยงที่มีประสิทธิภาพสูงในการทำให้ไอออน

ลิเธียมเคลื่อนที่ได้ดี

การควบคุม&ป้องกัน แบตเตอรี่ลิเธียม

ระบบควบคุมและป้องกันช่วยให้แบตเตอรี่ลิเธียม ทำงานอย่างปลอดภัยและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก

ขึ้นรวมถึงการควบคุมอุณหภูมิ เพื่อป้องกันการทำลายโคมีแอนอดและการต้านทานไฟฟ้าที่สูงเกินไป

ระบบควบคุมและป้องกันที่ใช้ในแบตเตอรี่ลิเธียม มีบทบาทสำคัญในการรักษาแบตเตอรี่ลิเธียม ให้ทำงาน

อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

1.ควบคุมอุณหภูมิ: การควบคุมอุณหภูมิเป็นส่วนสำคัญในการป้องกันการทำลายโคมีแอนอด (cathode) และ

อุณหภูมิที่สูงเกินไปสามารถทำให้เกิดความเสียหายแก่แบตเตอรี่. การทำงานที่อุณหภูมิสูงเกินไปอาจทำให้

เกิดกระบวนการที่เรียกว่า “thermal runaway” ซึ่งสามารถทำให้แบตเตอรี่เสียหายหรือเกิดเหตุระเบิด

ระบบควบคุมอุณหภูมิจะตรวจสอบและควบคุมอุณหภูมิในระหว่างการใช้งาน เช่น การทำงานในสภาวะชาร์จ

และการใช้งานทั่วไป

2.การควบคุมแรงดันไฟฟ้า: ระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าเพื่อป้องกันการสูงไฟฟ้าเกินไปที่อาจทำให้เกิด

ความเสียหายแก่แบตเตอรี่หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ. การสูงไฟฟ้าเกินไปอาจเกิดจากสภาวะไม่ปกติ เช่นกระแส

ไฟฟ้าที่มากเกินไปจากการชาร์จ หรือสภาวะที่ไม่ปกติในกระบวนการใช้งาน

3.ระบบการต้านทานไฟฟ้า: การต้านทานไฟฟ้าที่สูงเกินไปในแบตเตอรี่สามารถทำให้เกิดความร้อนมากขึ้น

และนำไปสู่ปัญหาทางเทคนิคและความปลอดภัย. การต้านทานไฟฟ้าที่สูงเกินไปสามารถเกิดขึ้นจาก

ตัวต้านทานสูงของวัสดุภายในแบตเตอรี่หรือจากขั้วที่มีปัญหา  ระบบควบคุมที่ดีจะตรวจจับการเปลี่ยนแปลง

ในค่าต้านทานไฟฟ้าและป้องกันการเกิดปัญหา

การจ่ายไฟฟ้าแบตเตอรี่ลิเธียม

การจ่ายไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียมไปยังอุปกรณ์หรือระบบที่ต้องการพลังงานมีขั้นตอนที่เกิดขึ้นใน

กระบวนการการใช้งานของแบตเตอรี่ลิเธียม

ขั้นตอนหลักที่เกี่ยวข้อง

การสลับกระแสไฟฟ้า : เมื่อมีความต้องการในการใช้งาน, ระบบหรืออุปกรณ์ที่ต้องการไฟฟ้าจะสร้างทาง

กระทำ (circuit) ที่เปิดให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่าน. การเปิดทางกระทำนี้จะทำให้กระแสไฟฟ้าเริ่มไหลจาก

แบตเตอรี่ลิเธียม

การเคลื่อนที่ของไอออนหรืออิเล็กตรอน : ในแบตเตอรี่, ไอออนลิเธียมหรืออิเล็กตรอนจะเคลื่อนที่จากแอโนด

ไปยังแคโทดผ่านทางทางกระทำที่ถูกสร้างขึ้น. นั่นหมายความว่า, ไอออนลิเธียมหรืออิเล็กตรอนจะไหล

จากด้านบวกของแบตเตอรี่ลิเธียมไปยังด้านลบ

การทำงานของอุปกรณ์หรือระบบ : กระแสไฟฟ้าที่ไหลมาถูกนำไปใช้ในการทำงานของอุปกรณ์หรือระบบ

ต่าง ๆ ตามที่ได้รับการออกแบบ. เช่น, ในกรณีของโทรศัพท์มือถือ, กระแสไฟฟ้าจะถูกนำไปใช้ในการเปิด

เครื่อง, การทำงานของหน้าจอ, หรือการชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียมภายในโทรศัพท์

การปรับกระแสและแรงดันไฟฟ้า : ระบบหรืออุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้ามักจะมีการปรับกระแสและแรงดันไฟฟ้าให้

เหมาะสมกับความต้องการของอุปกรณ์. นี้มักจะเป็นหน้าที่ของวงจรแปลงไฟ (power converter) หรือ

อุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการปรับแต่งพลังงานไฟฟ้า

การจ่ายไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มักจะเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอัตโนมัติเมื่อมีความต้องการ และการควบคุม

การไหลของไฟฟ้ามีบทบาทสำคัญในการรักษาปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบ

ระบบการชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียม

ระบบการชาร์จ (Charging System) เป็นส่วนที่สำคัญในการบริหารจัดการและรักษาแบตเตอรี่ลิเธียมใน

รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า  หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม  ระบบการชาร์จมักประกอบด้วยหลายส่วน

ประกอบที่ทำหน้าที่ในกระบวนการชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียม  นี่คือส่วนประกอบหลักของระบบการชาร์จ

ระบบการชาร์จ

ระบบการชาร์จแบตเตอรี่ลิเธียม

  • หน่วยชาร์จ (Charger Unit) : หน่วยชาร์จเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการส่งกระแสไฟฟ้าไปยังแบตเตอรี่

ลิเธียม เพื่อชาร์จหรือเติมพลังงาน. มีหลายรูปแบบของหน่วยชาร์จ, รวมถึงชาร์จที่ติดตั้งในรถยนต์,

ชาร์จพกพาสำหรับอุปกรณ์พกพา, และชาร์จที่ใช้ในแบตเตอรี่ขนาดใหญ่

  • ตัวควบคุม (Control Unit) : ตัวควบคุมระบบชาร์จมีหน้าที่ควบคุมกระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าที่เข้าไป

ในแบตเตอรี่ลิเธียม  ตัวควบคุมทำให้กระบวนการชาร์จเป็นไปอย่างปลอดภัยและประสิทธิภาพ

  • ตัวต้านทาน (Resistor): ตัวต้านทานสามารถถูกใช้ในกระบวนการชาร์จเพื่อควบคุมการไหลของกระแส

ไฟฟ้า และป้องกันการเกิดกระแสไฟฟ้าที่มากเกินไป

  • ตัวกรอง (Filter): ตัวกรองทำหน้าที่ลดรบบการกระทำของสัญญาณไฟฟ้าที่ไม่ต้องการ, ทำให้ได้กระแส

ไฟฟ้าที่มีคุณภาพดี

  • ตัวตรวจสอบ (Sensor): ตัวตรวจสอบสามารถตรวจจับแรงดัน, กระแส, หรืออุณหภูมิ เพื่อให้ตัวควบคุมทราบ

ถึงสภาพปัจจุบันของแบตเตอรี่ลิเธียมและระบบชาร์จ

  • ระบบป้องกัน (Protection System): ระบบนี้มักมีความสำคัญในการป้องกันการเกิดความเสียหายจาก

กระแสไฟฟ้าที่มากเกินไปหรือสภาวะที่ไม่ปกติ

ระบบการชาร์จมักถูกออกแบบให้สามารถทำงานได้กับแบตเตอรี่ลิเธียม ที่มีประสิทธิภาพสูง, ส่งผลให้

แบตเตอรี่ลิเธียม มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและให้ประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด

สรุป

การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่กำลังต้องการความวิจัยและพัฒนา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพพลังงานที่เก็บไว้

และยาวนานขึ้น และลดต้นทุนการผลิตเพื่อทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับ

การใช้งานในหลายๆ ด้าน เช่น ในรถยนต์ไฟฟ้า รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์

อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ