ตารางสรุปของแบตเตอรี่ลิเธียม
คำว่า ลิเธียม-ไอออน ชี้ไปที่กลุ่มแบตเตอรี่ลิเธียมที่มีความคล้ายคลึงกัน แต่คุณสมบัติทางเคมี อาจแตกต่าง
กันอย่างมาก Li-cobalt, Li-manganese, NMC และ Li-aluminum มีความคล้ายคลึงกันตรงที่ให้ความจุสูง
และใช้ในอุปกรณ์พกพา Li-phosphate และ Li-titanate มีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าและมีความจุน้อยกว่า แต่มี
ความทนทานมาก แบตเตอรี่เหล่านี้ส่วนใหญ่พบในการใช้งานแบบล้อเลื่อนและแบบอยู่กับที่
สาระน่ารู้
ตารางที่ 1: สรุปคุณลักษณะของแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน (Li-ion) ที่สำคัญ
คุณสมบัติ | Li-cobalt | Li-manganese | NMC | Li-aluminum | Li-phosphate | Li-titanate |
ความคล้ายคลึงกัน | ให้ความจุสูง | ใช้ในอุปกรณ์พกพา | ให้ความจุสูง | ให้ความจุสูง | แรงดันไฟฟ้าต่ำ | แรงดันไฟฟ้าต่ำ |
ความแตกต่างทางเคมี | ส่วนผสมที่มีคอบอลต์ | ส่วนผสมที่มีแมงกานีส | ส่วนผสมที่ประกอบด้วยนิกเกิล, แมงกานีส, และคอบอลต์ | ส่วนผสมที่ประกอบด้วยอลูมิเนียม | ส่วนผสมที่ประกอบด้วยฟอสเฟต | ส่วนผสมที่ประกอบด้วยไทเทเนต |
ความทนทาน | อ่อนแรงที่สุด | แรงทนทานกว่า Li-cobalt | แรงทนทานกลาง | แรงทนทานกว่า Li-cobalt | ทนทาน | ทนทาน |
โดยมีความหมายดังนี้:
Li-cobalt
แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) ให้ความจุสูงและมีประสิทธิภาพสูง แต่มีความแตกต่างทางเคมี
น้อยกว่าแบตเตอรี่อื่น ๆ และอ่อนแรงที่สุด
แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt)
แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) มีคุณลักษณะดังนี้:
- ความจุสูง: แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) มีความจุสูง ซึ่งหมายความว่าสามารถเก็บพลังงานได้
มากกว่าแบตเตอรี่อื่น ๆ ในกลุ่มของแบตเตอรี่ Li-ion ที่ใช้สารเคมีอื่น
- ประสิทธิภาพสูง: แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) เป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการเก็บและส่ง
พลังงาน จึงทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) มีประสิทธิภาพการใช้งานสูง โดยมีการเปิดเผย
ข้อมูลว่า แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) มีความสามารถในการให้ความจุ พลังงานที่สูงกว่าสารเคมี
อื่นในระบบ แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt)
- ความแตกต่างทางเคมีน้อย: นอกจากความคล้ายคลึงกันทางคุณสมบัติทางเคมีระหว่างแบตเตอรี่ลิเธียม
โคบอลต์ (Li-cobalt) แล้ว แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) มีความแตกต่างทางเคมีน้อยกว่าแบตเตอรี่
อื่น ๆ ในกลุ่ม เนื่องจากสารเคมีหลักของ Li-cobalt มีโคบอลต์ (cobalt oxide) ซึ่งมีความเสี่ยงในเรื่องของ
ความกัดกร่อนและความเสี่ยงของการระเบิด ในเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสม
สรุป
แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) มีความจุสูงและมีประสิทธิภาพสูงในการเก็บและส่งพลังงานไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) มีความแตกต่างทางเคมีน้อยกว่าแบตเตอรี่อื่น ๆ ซึ่ง
อาจทำให้เกิดความไม่สมดุลย์ใน การชาร์จและถอดเสียบ และอีกอย่างคือแบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์
(Li-cobalt) มีความอ่อนแรงที่สุดในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งอาจเกิดเหตุการณ์ระเบิดหรือไฟไหม้ เมื่อตอบ
สนองต่อการใช้งานที่ไม่ถูกต้องหรือสภาวะที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นควรใช้และจัดเก็บแบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์
(Li-cobalt)ให้ถูกต้องและปลอดภัยเสมอ
Li-manganese
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแมงกานีส (Li-manganese) มีความแรงทนทานกว่า แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์
(Li-cobalt) และให้ความจุสูง สามารถใช้ในอุปกรณ์พกพาได้
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแมงกานีส (Li-manganese)
แบตเตอรี่ Li-manganese (LiMn) มีคุณลักษณะดังนี้:
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแมงกานีส (Li-manganese) มีคุณลักษณะดังนี้:
- ความแรงทนทาน: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแมงกานีส (Li-manganese)มีความแข็งแรงและทนทานต่อ
การใช้งานที่หนัก และสามารถรับแรงกระแทกได้ดีกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt)
- ความจุสูง: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแมงกานีส (Li-manganese) มีความจุสูง ซึ่งหมายความว่าสามารถเก็บ
พลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่อื่น ๆ ในกลุ่มของแบตเตอรี่ Li-ion ที่ใช้สารเคมีอื่น
- การใช้งานในอุปกรณ์พกพา: เนื่องจากความแข็งแรงและความทนทานที่สูง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
แมงกานีส (Li-manganese) มักถูกนำมา ใช้ในอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต แล็ปท็อป กล้อง
ดิจิตอล และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแมงกานีส (Li-manganese) เป็นแบตเตอรี่ที่มีคุณสมบัติทางเคมีที่แตกต่างจาก
แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) โดยมีความแรงทนทานและความจุสูงกว่า ดังนั้นแบตเตอรี่ลิเธียม
ไอออนแมงกานีส (Li-manganese) เหมาะสำหรับใช้ในอุปกรณ์พกพาและอุปกรณ์ที่ต้องการความทนทาน
และประสิทธิภาพที่ดีเมื่อมีการใช้งานที่หนักและต้องการองค์ประกอบที่มีความเสถียรมากขึ้น
สรุป
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแมงกานีส (Li-manganese) อาจมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น มีอัตราการสลายตัวสูง
กว่าแบตเตอรี่อื่นใน กลุ่มของแบตเตอรี่ Li-ion ทำให้มีอาการความสูญเสียความจุและประสิทธิภาพเมื่อใช้งาน
ในระยะยาว นอกจากนี้ ในบางกรณี แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแมงกานีส (Li-manganese) อาจมีการสร้าง
ความร้อนในระหว่างการใช้งานที่มากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt) ซึ่งอาจต้องใช้ระบบระบาย
ความร้อนเพิ่มเติมในการใช้งานที่ปลอดภัยมากขึ้น
NMC
แบตเตอรี่ลิเธียม NMC ประกอบด้วยนิกเกิล, แมงกานีส, และคอบอลต์ ให้ความจุสูงและมีความทนทาน
แบตเตอรี่ลิเธียม NMC (Lithium Nickel Manganese Cobalt Oxide) มีคุณลักษณะดังนี้:
- ความจุสูง: แบตเตอรี่ลิเธียม NMC มีความจุสูง ซึ่งหมายความว่าสามารถเก็บพลังงานได้มากกว่า
แบตเตอรี่อื่น ๆ ในกลุ่มของแบตเตอรี่ลิเธียม ที่ใช้สารเคมีอื่น
- ความทนทานกลาง: ด้วยการใช้สารเคมีชุดรวมของนิกเกิล (Nickel), แมงกานีส (Manganese) และ
คอบอลต์ (Cobalt) แบตเตอรี่ลิเธียม NMC มีความทนทานกลาง ระหว่าง Li-cobalt (ที่มีความแรงและ
ความจุสูง) และ Li-manganese (ที่มีความทนทานและความจุสูง)
- ประสิทธิภาพการใช้งาน: แบตเตอรี่ลิเธียม NMC มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดี รวมถึงการสูญเสียความจุ
ที่น้อยมากในช่วงอายุการใช้งาน
สรุป
แบตเตอรี่ลิเธียม NMC มีการใช้งานที่หลากหลาย อาทิเช่นในโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค
รถยนต์ไฟฟ้า และ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เนื่องจากความคล้ายคลึงกันทางคุณสมบัติและความสามารถ
ระหว่างคอมโพสิตในแบตเตอรี่ลิเธียม NMC
Li-aluminum
แบตเตอรี่ลิเธียมอะลูมิเนียม (Li-aluminum) มีอลูมิเนียมเป็นส่วนผสมหลัก ให้ความจุสูงและมีความแรง
ทนทานกว่า แบตเตอรี่ลิเธียมโคบอลต์ (Li-cobalt)
แบตเตอรี่ลิเธียมอะลูมิเนียม (Li-aluminum) มีคุณลักษณะดังนี้:
- ความจุสูง:แบตเตอรี่ลิเธียมอะลูมิเนียม (Li-aluminum)มีความจุสูง ซึ่งหมายความว่าสามารถเก็บพลังงาน
ได้มากกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมอะลูมิเนียม (Li-aluminum) ในขนาดเดียวกัน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่
ต้องการความจุพลังงานมาก
- ความแรงทนทาน: แบตเตอรี่ลิเธียมอะลูมิเนียม (Li-aluminum) มีความแรงทนทานสูงกว่า Li-cobalt
โดยทั่วไป เนื่องจากการใช้งาน Li-aluminum ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความร้อนสูงและความเสียหายจากการสั่น
สะเทือนในระหว่างการใช้งาน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานในสภาพแวดล้อมที่
ทุกข์ยาก
แบตเตอรี่ลิเธียมอะลูมิเนียม (Li-aluminum) มักถูกนำมาใช้ในอุปกรณ์พกพาและอุปกรณ์ที่ต้องการความจุ
สูงและความแรงทนทาน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งานนานและต้องการความ
ทนทานการใช้งาน
ในสภาวะที่ต้องการความแข็งแรง: อลูมิเนียมมีความทนทานต่อสภาวะแวดล้อมที่ทำให้เกิดความกัดกร่อน
ดังนั้น แบตเตอรี่ลิเธียมอะลูมิเนียม (Li-aluminum)มักถูกนำมาใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการความแข็งแรง
เช่น อุปกรณ์กันน้ำ อุปกรณ์กันกระแทก หรืออุปกรณ์ที่ต้องการการใช้งานในสภาวะที่สูงเป็นอย่างมาก
สรุป
แบตเตอรี่ลิเธียมอะลูมิเนียม (Li-aluminum) อาจมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น มีอัตราการสลายตัวสูงกว่า
แบตเตอรี่อื่นในกลุ่มของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Li-ion ทำให้มีอาการความสูญเสียความจุและประสิทธิภาพ
เมื่อใช้งานในระยะยาว นอกจากนี้ ในบางกรณี Li-aluminum อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนเพิ่มเติมใน
การใช้งานที่ปลอดภัยมากขึ้น
Li-phosphate
แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (Li-phosphate) มีฟอสเฟตเป็นส่วนผสมหลัก มีแรงดันไฟฟ้าต่ำและ
มีความทนทาน
แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (Li-phosphate) มีคุณลักษณะดังนี้:
- แรงดันไฟฟ้าต่ำ: แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (Li-phosphate) มีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าแบตเตอรี่
ลิเธียนไอออน Li-ion อื่น ๆ ที่ใช้สารเคมีอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าแต่ละเซลล์แบตเตอรี่จะให้แรงดันไฟฟ้า
น้อยลง ซึ่งอาจมีผลต่อประสิทธิภาพทางการไฟฟ้าของอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต
(Li-phosphate)
- ความทนทาน: แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (Li-phosphate) มีความทนทานสูงต่อการใช้งานที่
หนัก และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งหมายความว่ามีอัตราการสลายตัวต่ำและมีการสูญเสียความจุน้อย
ในระยะเวลาที่ใช้งาน
- ความปลอดภัย: แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (Li-phosphate)เป็นอย่างมากถือเป็นแบตเตอรี่ที่
ปลอดภัย เนื่องจากไม่มี ความเสี่ยงที่จะเกิดการระเบิดหรือเกิดไฟไหม้ในเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด นอกจากนี้ยัง
มีความทนทานต่ออุณหภูมิสูงและต่ำ และไม่ต้องการการรักษาหรือการดูแลพิเศษเทียบกับบางแบบอื่น
แบตเตอรี่ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต (Li-phosphate) มักนำมาใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการความปลอดภัยสูง
เช่น รถยนต์ไฟฟ้า ระบบจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ (solar energy storage) ระบบจัดเก็บพลังงานลม
(wind energy storage) และระบบสำรองพลังงานที่ต้องการความเสถียรภาพและความทนทานในสภาวะ
ที่มีการใช้งานหนัก
Li-titanate
แบตเตอรี่ลิเธียม-ไททาเนต (Li-titanate) มีไทเทเนตเป็นส่วนผสมหลัก มีแรงดันไฟฟ้าต่ำและมีความ
ทนทาน
แบตเตอรี่ลิเธียม-ไททาเนต (Li-titanate) มีคุณลักษณะดังนี้:
- แรงดันไฟฟ้าต่ำ: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไททาเนต (Li-titanate) มีแรงดันไฟฟ้าต่ำกว่าแบตเตอรี่ Li-ion อื่น ๆ
ที่ใช้สารเคมีอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าแต่ละเซลล์แบตเตอรี่จะให้แรงดันไฟฟ้าน้อยลง ซึ่งอาจมีผลต่อ
ประสิทธิภาพทางการไฟฟ้าของอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไททาเนต (Li-titanate)
- ความทนทาน: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไททาเนต (Li-titanate) มีความทนทานสูงต่อการใช้งานที่หนักและ
มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งหมายความว่ามีอัตราการสลายตัวต่ำและมีการสูญเสียความจุน้อยในระยะเวลา
ที่ใช้งาน
- ประสิทธิภาพการชาร์จและรับปล่อยไฟฟ้าได้เร็ว: แบตเตอรี่ลิเธียม-ไททาเนต (Li-titanate) มี
ประสิทธิภาพการชาร์จและรับปล่อยไฟฟ้าได้เร็วกว่าแบตเตอรี่ Li-ion อื่น ๆ ซึ่งทำให้สามารถชาร์จและใช้งาน
ได้ในเวลาสั้นขึ้น
แบตเตอรี่ลิเธียม-ไททาเนต (Li-titanate) มักถูกนำมาใช้งานในอุปกรณ์ที่ต้องการความทนทานและ
ประสิทธิภาพการชาร์จ-รับปล่อยไฟฟ้าที่ดี เช่น รถไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า ระบบจัดเก็บพลังงานแสงอาทิตย์
(solar energy storage) ระบบจัดเก็บพลังงานลม (wind energy storage) และระบบเก็บพลังงานในอุปกรณ์
พกพาอื่น ๆ
โดยแต่ละประเภทของแบตเตอรี่ Li-ion จะมีการใช้งานและการประยุกต์ที่แตกต่างกัน อาจมีการเลือก
ใช้ตามความต้องการของอุปกรณ์และแบบงานที่แตกต่างกันไป
คุณลักษณะของแบตเตอรี่ Li-ion ที่สำคัญประกอบด้วย:
- ความจุ (Capacity): คือปริมาณพลังงานที่แบตเตอรี่สามารถเก็บได้ ความจุจะแสดงด้วยหน่วยแม่เหล็ก
ฮอร์ส (mAh) หรือแม่เหล็กวัตต์-ชั่วโมง (Wh) แบตเตอรี่ Li-ion มีความจุสูงและสามารถจัดเก็บพลังงานได้
มากกว่าแบตเตอรี่อื่น ๆ ในชนิดเดียวกันขนาดเทียบเท่า
- แรงดันไฟฟ้า (Voltage): แบตเตอรี่ Li-ion มีแรงดันไฟฟ้าประมาณ 3.6-3.7 โวลต์ต่อเซลล์ โดยต้องการ
การจัดการแรงดันเพื่อให้เข้ากับแรงดันที่ต้องการของอุปกรณ์ที่ใช้งาน
- อายุการใช้งาน (Cycle life): แบตเตอรี่ Li-ion มีอายุการใช้งานที่จำกัดโดยจำนวนรอบการชาร์จและ
ถอดเสียบ เมื่อใช้งานผ่านจำนวนรอบที่กำหนดแล้ว ความจุและประสิทธิภาพของแบตเตอรี่อาจลดลง
- ความปลอดภัย: แบตเตอรี่ Li-ion มีความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากการใช้งานผิดพลาดหรือ
สภาวะที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการระเบิดหรือเกิดไฟไหม้ได้ จึงต้องมีการออกแบบและใช้ระบบ
การป้องกันเพื่อความปลอดภัยขณะใช้งาน
- ความเร็วการชาร์จและการถอดเสียบ: แบตเตอรี่ Li-ion มีความสามารถในการชาร์จและถอดเสียบอย่าง
รวดเร็ว เมื่อใช้ระบบชาร์จที่เหมาะสมและตรงตามข้อกำหนด
- การถูกเลือกใช้งานและการประยุกต์ใช้: แบตเตอรี่ Li-ion มีความยืดหยุ่นสูงในการใช้งานและมีความ
สามารถในการประยุกต์ใช้กับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูง อาทิเช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค
รถยนต์ไฟฟ้า และอื่น ๆ